ค่านิยมหลัก 12 ประการ (Values)
1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
รักชาติ : เราสามารถแสงความจงรักภักดีต่อชาติได้ด้วยการ เมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติเมื่อใด เราควรยืนตรงและร้องเพลงชาติให้สุดเสียง เพื่อแสดงว่าเราเป็นคนไทย
ศาสนา : เราควรหมั่นไปทำบุญที่วัดหรือไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ
พระมหากษัตริย์ : เราควรหาเวลาไปถวายพระพรเพื่อให้พระองค์ทรงพรเะจริญ และไม่ควรพูดดูหมิ่นพระองค์ท่าน
2. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม
คือการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานที่ตัวเองทำ ไม่ควรทุจริตหรือคดโกง ส่วนการเสียสละคือ เช่นการขึ้นรถเมล์หากเราเห็นคนแก่ เด็ก สุภาพสตรี หรือคนมีครรภ์ เราควรลุกขึ้นขากที่นั่งให้เขาได้นั่งนั่นคือการเสียสละ คือเครื่องหมายของคนดี
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
เราเป็นเด็กควรรู้จักกาละเทศะและการมีสัมมาคาระวะที่ดีต่อผู้มีพระคุณไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ คุณครู หรือบุคคลที่มีอายุมากกว่าเรา เราควรแสดงความเคารพให้ถูกต้อง และเหมาะสม
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม
เราควรใฝ่หาความรู้รอบตัวของเราไม่ ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ไม่ใช่เพียงแค่มาเรียน แต่เราต้องควรหาความรู้เอาไว้ล่วงหน้าก่อนเสมอ เพราะหากคุณครูถามหรือมีการทดสอบในเรื่องที่เราได้อ่านมาก่อนแล้วเราอาจจะทำได้สำเร็จตามเป้าหมายง
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
เราเป็นคนไทยต้องอนุรักษ์วัมนธรรมที่ดีงามของชาติไทยเอาไว้ เพื่อให้เด็กรุ่นหลังหรือรุ่นตี่อๆไป ได้กลับมาดูแล้วเขาจะได้รู้และเข้าใจวัฒนธรรมของชาติไทยและช่วยกันรักษาไม่ให้ศูนย์หายไปจากประเทศไทย
6. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน
เราควรยึดหลักศีลธรรมไว้เช่นการรักษาความสัตย์หากอะไรไม่ใช่ของเราเราควรตามหาเจ้าของ หรือควรเอาไปมอบให้คีูเพื่อที่ครูจะได้หาเจ้าของที่แท้จริงต่อไป อีกทั้งการเผยแผ่และแบ่งปัะนหาก้เรามีพอใช้แล้วควรแบ่งให้กัผู้ยากไรหรือคนที่มี เขาจะได้มีความสุขร่วมกันกับเรา
7. เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
เราไม่ควรนอนหลับทับสิทธ์ในการเลือกตั้งหากเรามีสิทธิในการเลือกตั้งเราควรไปเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ที่สามารถนำประเทศเราให้เจริญรุ่งเรืองได้
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่
ความสามารถของบุคคลในการควบคุมอารมณ์และพฤตกรรมของตนเองให้เป็นไปตามที่ตนมุ่งหวัง โดยเกดจากการสำนึกขึ้นมาเอง ทั้งนี้จะตองไม่กระทําการใดๆ อันจะเกิดความยุ่งยากแก่ตนเองในอนาคต แต่จะต้องกอให้เกิดความเจริญต่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและศีลธรรม มีความตั้งใจ และมั่นใจในพฤติกรรมที่แสดงออกมาว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตนเองและสังคม
9. มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่ายในทุกด้าน ลดละความฟุ่มเฟือยในการดำรงชีพอย่างจริงจัง
ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้อง สุจริต แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดำรงชีพก็ตาม
ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจาก การประพฤติชอบและการหาเลี้ยงชีพ ของตนเป็นหลักสำคัญ
ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง
ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น
ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยากครั้งนี้ โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ให้ความชัดเจนว่า
การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามที่ จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้เพื่อตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้า ที่มีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหนึ่ง และขั้นต่อไป ก็คือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตัวเอง
ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีลดละสิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลงในครั้งนี้ เพราะยังมีบุคคลจำนวนมิใช่น้อยที่ดำเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราโชวาทว่า พยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัว ทำลายผู้อื่น พยายามลด พยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู่ พยายามก่อความดีให้แก่ตัวอยู่เสมอ พยายามรักษา และเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้น ให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น
ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันกันในทางการค้าขายประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง
ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถึงความสุขความเจริญที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนา และการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังมาจากผู้อื่น
ไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางในชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยากครั้งนี้ โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสำคัญ พระราชดำรัสตอนหนึ่งที่ให้ความชัดเจนว่า
การที่ต้องการให้ทุกคนพยายามที่ จะหาความรู้ และสร้างตนเองให้มั่นคงนี้เพื่อตนเอง เพื่อที่จะให้ตัวเองมีความเป็นอยู่ที่ก้าวหน้า ที่มีความสุข พอมีพอกินเป็นขั้นหนึ่ง และขั้นต่อไป ก็คือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตัวเอง
ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดีลดละสิ่งยั่วกิเลสให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้ด้วยสังคมไทยที่ล่มสลายลงในครั้งนี้ เพราะยังมีบุคคลจำนวนมิใช่น้อยที่ดำเนินการโดยปราศจากละอายต่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราโชวาทว่า พยายามไม่ก่อความชั่วให้เป็นเครื่องทำลายตัว ทำลายผู้อื่น พยายามลด พยายามละความชั่วที่ตัวเองมีอยู่ พยายามก่อความดีให้แก่ตัวอยู่เสมอ พยายามรักษา และเพิ่มพูนความดีที่มีอยู่นั้น ให้งอกงามสมบูรณ์ขึ้น
10. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจำหน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม เมื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดี
11. มีความเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปตามหลักของศาสนา
การปฏิบัติตนให้ร่างกายและจิตใจ มีความเข้มแข็ง ยึดมั่นในการทำความดีตามหลักของศาสนา รู้จักแยกแยะความดีความชั่วเกรงกลัวต่อบาป ไม่กระทำความชั่วใดๆ และไม่ความผิดทั้งต่อตนเองและผู้อื่นมีจิตใจที่เข้มแข็งปฏิเสธต่อสิ่งยั่วยุปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการควบคุมตนเองไม่ให้กระทำผิดทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
12. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
ความเสียสละ เป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานที่ค้ำจุนสังคมไทยให้อยู่รอดปลอดภัยมาได้จนถึงปัจจุบัน บรรพบุรุษของเราเสียสละเลือดเนื้อเพื่อรักษาผืนแผ่นดินไว้ให้ลูกหลาน ทหาร ตำรวจ เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อป้องกันรักษาประเทศให้มั่นคงและสงบสุข เกษตรเสียสละแรงกายเพื่อผลิตข้าวปลาอาหารให้เราได้บริโภค เป็นต้น
การเสียสละของบุคคลข้างต้น เป็นสิ่งที่เยาวชนไทยควรตระหนักและศึกษาเรียนรู้ พร้อมทั้งนำไปใช้เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งจะนำมาสู่ความสงบสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น